การมาประชุมครั้งนี้มีความประทั
- Open plenary session โดยปกติก็จะมีแค่คนสำคัญๆมาพู
ดแต่คราวนี้มีวงแจ๊ซมาเล่นสดคั่ นหลังแต่ละคนพูด ซึ่งเล่นได้เลิศมากประทับใจ นอกจากนี้ยังมีการไว้อาลัยแด่บุคคลสำคัญในวงการที่เสียชีวิ ตจากเหตุการณ์เครื่องบินตกที่ยู เครน พอตอนจบก็มีวง Chaotic Noise Marching Corps มาเล่น เราไม่เคยดูวงอะไรเล่นแนวนี้ มาก่อนสนุกดี ลองดูตัวอย่างคลิปได้ตามนี้ www.youtube.com/watch?v=b4jISAw-S1I - การวางโปรแกรมน่าสนใจ มีการแบ่งกลุ่มเรื่องพูดได้ดี คู่มือประกอบการประชุมแม้
จะละเอียดแต่ก็เข้าใจง่าย ชอบมากถึงขั้นเก็บมาเป็นที่ระลึ ก และมีแอปให้โหลด บอกรายละเอียดการประชุมและมี notification เตื อนเวลามีรายการสำคัญๆ - สถานที่จัด Washington State Convention Center อยู่กลางเมือง Seattle เดินทางสะดวก อันนี้สำคัญเพราะเท่าที่ไปประชุ
มเมืองอื่นถ้าเป็น convention center ของเมืองนั้นเช่น Chicago หรือ Florida จะอยู่ไกลจากแหล่งท่องเที่ยว แต่ที่นี่หลังประชุ มเราสามารถไปเดินเที่ยวเล่นต่ อได้เลย - เนื่องจากการประชุมอันนี้มี
คนสำคัญในวงการมากันเยอะเราก็ จะเห็นว่าครูเราเข้าไปสร้าง connection ยังไง การเข้าไปพูดคุยทำยังไง พูดยังไงให้เค้าสนใจอยากจะมาร่ วมงานด้วยกัน - สิ่งที่ชอบอีกอันหนึ่งคือ Posters, Walks and Talk เราไม่เคยเห็นที่ประชุมอื่นเลย จะมีผู้เชี่
ยวชาญของวงการมานำเราดูโปสเตอร์ ในงาน ข้อดีคือเค้าจะสามารถสรุปเหมื อนสอนเราได้เร็วมากๆ และจะตั้งคำถามกับเจ้ าของโปสเตอร์น่าสนใจ แต่เนื่องจากผู้เชี่ยวชาญก็ไม่ ได้หมายความว่าเค้าจะรู้ลึ กไปซะทุกเรื่อง ดังนั้นเราคือฟังเป็นไอเดียแต่ ไม่ใช่เชื่อทุกอย่างที่เค้าพูด - การเตรียมความพร้อมให้กับคนพูด oral presentation จะมีห้องให้เราโหลดไฟล์ มีโพเดี่ยม มีเมาส์ให้คลิ้กเหมือนตอนเราพู
ดจริงให้เราซ้อมก่อน ใฟ้เราเช็คสไลด์ว่ามีอะไรต้ องแก้ไหม มีโน๊ตเล็กๆให้ว่าเราพูดวันไหน กี่โมง ต้องไปถึงห้องที่พูดกี่โมง … เราก็ทำตามกระบวนการเรียบร้อย แต่พอเอาสไลด์ขึ้นกลับไม่เหมื อนที่เราอัพโหลดเพราะอะไรบางอย่ างระหว่างแมคกับพีซี เราก็เช็คกับเจ้าหน้าที่อีกครั้ ง เค้าก็บอกว่าตอนพูดจริงมันจะไม่ เปลี่ยนมันจะถูกต้องตามไฟล์เดิ มของเรา - ปรากฎว่าตอนพูดจริง สไลด์เปลี่ยนค่ะ แทบสิ้นสติแต่ก็พูดตามสคริปท์ที่่เตรียมมา เพื่อนที่ฟังก็บอกเราดูไม่ออกว่
าตอนไหนที่เรามีปัญหา แต่ก็ทำให้เราพูดยาวกว่าที่คิ ดหน่อยนึง - ก่อนขึ้นพูด เราเตรียมพูดเรื่องนี้เป็นเดื
อนๆ แต่ก็ยังตื่นเต้น คืนก่อนวันจริงนอนตื่นทุกสองชั่ วโมงเพราะกลัวตื่นสายไปพูดไม่ทั น พอไปถึงห้องที่พูดเราก็ ไปแนะนำตัวกับ moderator และเจ้าหน้าที่ควบคุมเครื่องคอม ซ้อมการใช้เมาส์ที่โพเดี่ยมจริง แล้วก็นั่งรอเวลา เราพูดคนที่สี่ ตอนที่คนแรกพูดเราพยายามจะท่องสคริปท์แต่ตอนนั้นสมองดับไปแล้ว พอคนที่สองพูดเราเลยเปลี่ยนเป็ นฟังคนอื่นพูดแทน แต่หูคือไม่ได้ยินอะไร หัวใจเต้นแรงมากมือสั่นตลอด แต่พอถึงคนที่สามเริ่มพูดเราเริ ่มกลับมาปกติ หัวใจเต้นช้าลง มือเริ่มปกติ คิดอย่างเดียวเราต้องทำให้ได้ เราจะ fight for it อะไรจะเกิดก็ต้องเกิด - พอถึงเวลาเค้าประกาศชื่
อเราเราก็ก้าวขึ้นเวทีอย่างระมั ดระวังเพราะกลัวตกส้นสูง แล้วเราก็เริ่มพูดไปเรื่ อยๆตามที่เตรียมมา พยายามมองคนฟังที่เรามองไม่เห็ นเพราะไฟสาดมาจ้ามาก ชำเลืองดูหน้าอาจารย์ที่ปรึกษาว่ายั งพอใจอยู่ไหม ตอนท้ายพูดเร่งนิดๆเพราะกลัวเกิ นเวลา แต่ก็พูดจบในเวลาพอดี พอถึงช่วงตอบคำถาม โชคดีที่คำถามทั้งสองอั นเราตอบได้ก็เลยรู้สึกดีใจมาก เพราะอาจารย์ที่ปรึกษาเคยบอกว่ าคนฟังเค้าจะถามเราแค่หนึ่งหรื อสองคำถามเท่านั้น ดังนั้น you need to nail it! - ตอนพูดจบเราได้ขอบคุณผู้สนับสนุ
นงานวิจัย BC oral cancer prevention program, University of Heidelberg, Germany และทุนอานันทมหิดลจากประเทศไทย อันนี้ปลื้มใจสุ ดเพราะเวลาเราไปฟังใครพรีเซนท์ เราก็อยากมีโอกาสพูดแบบนี้บ้าง อยากให้คนอื่นรู้ว่ าคนจากประเทศไทยเราก็มาพูดเหมื อนกันนะจากนั้นเราก็พยายามเดินลงบั นไดอย่างระมัดระวังและมานั่งข้ างอาจารย์ที่ปรึกษา อาจารย์พูดแค่ว่า Yeah! It’s done. Finally, it’s over. ยิ้มแล้วกอดเราทีนึง เราได้แต่ขอบคุณแบบปลื้มปริ่ม คือเราไม่ได้เหนื่อยคนเดียว งานนี้ครูก็ต้องตรวจงานเราทุกวั นไม่เว้นวันเสาร์อาทิตย์
สุดท้าย เราอาจจะไม่ได้ทำทุกอย่างดีเลิ