เมือง Kelowna รัฐ British Columbia เป็นเมืองที่ใหญ่เป็นอันดับที่ 22 ของประเทศ Canada เมืองนี้ตั้งอยู่บริเวณหุบเขา Okanagan และทะเลสาป Okanagan ที่มีความยาวถึง 135 กม. ส่วนคำว่า Kelowna นั้นมาจากภาษา Okanagan ที่มีความหมายว่า “หมีกริซลีย์”
ที่แรกที่ไปคือ Myra-Bellevue Provincial Park (Myra Canyon) อยู่ทางใต้ของ Kelowna บนภูเขา Okanagan โดยบริเวณนี้ในอดีตนั้นเป็นส่วนหนึ่งของทางรถไฟ Kettle Valley ซึ่งประกอบไปด้วย 18 สะพานไม้ (Trestle) และ 2 อุโมงค์ ปัจจุบันนักท่องเที่ยวนิยมมาขี่จักรยานหรือเดินเขา บริเวณทางเข้า Park จะมีบริการให้เช่าจักรยานด้วย จากรูปข้างล่างจะเห็นสะพานไม้และต้นไม้ที่โดนไฟป่าเผาเมื่อปี 2003 (https://en.wikipedia.org/wiki/2003_Okanagan_Mountain_Park_Fire)
หลังจากนั้นก็ไปกินข้าวเย็นที่ Downtown ของเมือง Kelowna ร้านชื่อ RaudZ (ควรโทรไปจองก่อน เพราะคนเยอะและรอนานมากกกก) ระหว่างรอโต๊ะก็ไปเดินเล่นรอบๆ Downtown ที่เล็กและเงียบมาก อาจเป็นเพราะช่วงวันหยุดคนในเมืองนี้และนักเรียน UBC ส่วนใหญ่ออกนอกเมืองไปหมดแล้ว ถ้าใครมีโอกาสได้มาเที่ยว Kelowna อย่าลืมมาทานมื้อเย็นที่ RaudZ นะครับ เอาไปเลย 5 ดาวสำหรับอาหารจานหลัก แต่ผัดผักและของหวานไม่ค่อยปลื้มเท่าไหร่ สำหรับคนไทยรู้สึกว่าของหวานหวานไปหน่อย แต่ถ้าเป็นฝรั่งอาจรู้สึกว่าหวานพอดีก็ได้
เช้าวันที่สองไป University of British Columbia, Okanagan และ Know Mountain Park ซึ่งสามารถมองเห็นเมือง Kelowna และทะเลสาป Okanagan จากบนเขาได้ วิวสวยมากกก นักท่องเที่ยวนิยมขึ้นมาชมวิวและเดินเขา
หลังจากนั้นไปไร่ไวน์ Mission Hill Winery โดยได้จองทัวร์ Discovery Tour กันไว้ ($20/คน) ไกด์จะอธิบายถึงการทำไร่ไวน์ที่ Okanagan Valley พาชมแปลงองุ่นพันธุ์ Pinot Noir ดูวีดีโอประวัติความเป็นมาของไร่ไวน์แห่งนี้ พาชมห้องเก็บถังไม้สำหรับหมักไวน์ และสุดท้ายจะให้ชิมไวน์ 4 ชนิดพร้อมชีสและช็อคโกแลต แบ่งเป็นไวน์ขาว 2 ชนิด และไวน์แดง 2 ชนิด ทัวร์ใช้เวลาทั้งหมดประมาณ 1 ชั่วโมง เมื่อเสร็จแล้วเราสามารถนำคูปองส่วนลด $5 ไปเลือกซื้อไวน์หรือสินค้าอื่นต่อได้
ก่อนขับรถกลับ Vancouver แวะทานอาหารเที่ยงและไอศครีมที่ Downtown ซึ่งจะมีร้านไอศครีมชื่อ Moolix ที่ได้รับรางวัล Best Ice Cream of Kelowna 2013 สำหรับร้านนี้ห้ามพลาดเช่นกัน สุดท้ายขอเดินเล่นบริเวณสะพานเรือชมวิวทะเลสาป Okanagan อีกครั้ง
